ประเภทของไวน์ (Wine) ไวน์สามารถแบ่งออกได้ คือ

ไวน์ที่ไม่มีฟอง (Still Wine) บ้างทีก็เรียกว่า “Natural Wine” หรือ “Table Wine” (เทเบิ้ลไวน์) เป็นไวน์ยอดนิยม บ้างทีก็เรียกกันว่า Dinner Wine ซึ่งไวน์ในท้องตลาดส่วนใหญ่ก็เป็นไวน์จาก ตระกูลนี้ทั้งสิ้นเป็นไวน์ที่เหมาะสมสำหรับดื่มคู่กับอาหาร มีดีกรีแอลกอฮอล์ประมาณ 7-15% นอกจากนั้นไวน์ขาว และไวน์แดงของเทเบิ้ลไวน์ก็ยังแตกสาขาออกไปอีก อย่างไวน์ขาว ก็มีทั้งประเภทหวาน และ ประเภทไม่หวาน  ได้แก่  

  • ไวน์แดง (Red Wine) หมักมาจากองุ่นแดงพันธุ์ Merlot , Cabernet Sauvignon, Pinot Noir, Syrah (Shiraz), Sangiovese, Nebbiolo, Zinfandel, Gamay Beaujolais ไวน์แดงจากแค้วนบอร์โดซ์ของฝรั่งเศส ถึอว่าเป็นไวน์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดของโลก และไวน์แดงทุกชนิด จะไม่ออกรสหวานเลย ฝาด ค่อนข้างเข้มข้น กลิ่นแรง น้ำไวน์สีแดงทับทิม นิยมดื่มแบบไม่แช่เย็น ที่มีอุณหภูมิ 18-21 องศาเซลเซียส (เพราะถ้านำไวน์แดงไปแช่เย็นจะทำให้มีรสขมมากขึ้น) เสิร์ฟพร้อมกับอาหารพวก เนื้อสัตว์ที่เนื้อออกสีแดง เช่น เนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อเก้ง เนื้อแพะ เนื้อแกะ ฯลฯ สำหรับไวน์แดง ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ได้แก่ Bordeaux, Burgundy และ Beaujolais เป็นไวน์ฝรั่งเศส, Chanti เป็นไวน์อิตาลี 
  • ไวน์ขาว (White Wine) หมักมาจากองุ่นเขียวพันธุ์ Chardonnay, Riesling, Sauvignon Blanc, Pinot Gris-Pinot Grigio น้ำไวน์มาสีขาวออกเหลือง รสอ่อน ฝาดนิดหน่อย นิยมดื่มแบบแช่เย็นในถังที่มีอุณหภูมิ 7-12 องศาเซลเซียส แล้วเสิร์ฟที่อุณหภูมิ 15 องศาเซลเซียส พร้อมกับพวกอาหารทะเล เนื้อที่มีสีขาวสัตว์น้ำประเภทต่าง ๆ เช่น เนื้อไก่ เนื้อปลา เนื้อปู เนื้อกุ้ง สำหรับไวน์ขาว ประเภทไม่หวานชนิดที่มีชื่อเสียงโด่งดังได้แก่ จำพวก Chablis และ Muscadet Riesling เป็นไวน์ฝรั่งเศส, Asti เป็นไวน์อิตาลี 
  • ไวน์โรเซ่ (Rose Wine)  ไวน์สีชมพู รสอ่อน ออกหวาน กลิ่นหอม เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นดื่มไวน์ นิยมดื่มแบบแช่เย็น พร้อมกับอาหารทุกชนิด สำหรับไวน์โรเช่ ที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ได้แก่ San Miquel, Rose’D Anjou

ไวน์ที่มีฟอง (Sparkling Wine) แต่ถ้าผลิตในเมืองแชมเปญ จะเรียกว่า “Champagne” ในเยอรมันจะเรียกว่า “Schaumwich” หรือ “Sekt” ในอิตาลีจะเรียกว่า “Spumante” ไวน์ประเภทนี้ได้แก่ ไวน์ประเภทที่มีฟองนั่นเองหรือเป็น ไวน์จำพวกที่มีดีกรีปานกลางคือ มีดีกรีแอลกอฮอล์ประมาณ 15-18% ส่วนใหญ่จะเป็นไวน์ขาว และส่วนน้อยจะเป็นไวน์แดง หรือไวน์สีชมพู รสของไวน์ประเภทนี้มีหลากหลาย ตั้งแต่ไม่หวานเลยระเรื่อยไปจนหวานนิดหน่อย หวานมาก และหวานมาก นิยมดื่มที่อุณหภูมิประมาณ 1.5-4.5 องศาเซลเซียส พร้อมของหวาน เป็นไวน์ที่ไม่เหมาะสำหรับดื่มคู่กับอาหารแต่เป็นการดื่มฉาบฉวยในบางโอกาส โดยเฉพาะในโอกาสฉลองชัย แสดงความยินดี ไวน์ประเภทนี้ ปกติชนทั่วไปไม่นิยมเรียกว่าไวน์แต่จะมีชื่อเสียงเรียงนามจำเพาะเจาะจงของมันเรียกเป็นเอกเทศ เช่น Champagne, Sparkling Burgundy เป็นไวน์ฝรั่งเศส, California Champagne และ New York State Champagne เป็นไวน์จากสหรัฐอเมริกา ที่ผลิตแบบเดียวกันกับไวน์จากเมืองแชมเปญในฝรั่งเศส

ไวน์ที่แต่งเติมเสริมดีกรี (Fortified Wine) เป็นไวน์ประเภทที่มีดีกรีแอลกอฮอล์สูง ประมาณ 18-22% นิยมดื่มพร้อมขนมหรืออาหารว่าง แต่นักดื่มทั่วไปไม่นิยม บ้างทีเรียกว่า “เหล้าไวน์” แต่จะมีชื่อจำเพาะเจาะจงของมันเองเช่นเดียวกับสปาร์กลิ้งไวน์แถมเหล้าไวน์นี้แผกเพี้ยน ไปกว่าเหล้าไวน์ตระกูลอื่นๆ คือน้ำเหล้าแทนที่จะเป็นไวน์ล้วนๆ แต่เป็นการนำไวน์มาผสมกับบรั่นดี โดยมีบรั่นดี เจือผสมอยู่ใน ฟอร์ติไฟด์ไวน์ 15% ไวน์ในตระกูลนี้บางตัวก็เป็นไวน์พิสดารอย่างเช่น เหล้าเชอรี่ ของสเปน ประเภทฟีโนเมื่อรินน้ำเหล้าใส่แก้วก็จะมีดอกไม้ เบ่งบานในน้ำเหล้าให้ผู้ดื่มได้ หวือหวาอีกด้วย ได้แก่  Port, Sherry, Madiera, Muscat, Marsala, Muscate

ไวน์ที่ปรุงแต่งด้วยรสสมุนไพร (Aromatized Wine)  เป็นไวน์ที่มีสรรพคุณทางยา กลั่นผสมพวกรากไม้รากยา สมุนไพรต่างๆ เข้าไป มีกลิ่นหอมฉุน น้ำสีเหลือง หรือขาว หรือแดง ได้แก่ เวอร์มูธ (Vermouth) 

อุณหภูมิเหมาะสมสำหรับการเสิร์ฟไวน์ ควรปรับให้ไวน์เข้าสู่อุณหภูมิที่เหมาะสม สำหรับเสริฟ์อย่างช้า ๆ สำหรับไวน์ขาวรส ไม่ หวาน (Dry White Wine) และ ไวน์โรเซ่ (Rose Wine) ควรเสริฟ์ในขณะที่มี อุณหภูมิระหว่าง 8-12 องศาเซลเซียส แต่อย่าให้เย็นจัดจนเริ่มจับเป็นเกล็ด หรือแข็งจน เป็นน้ำแข็ง ไวน์ที่ค่อนข้าง หวาน หรือไวน์ ขาวหวาน,แชมเปญหรือไวน์ฟอง (Sparkling Wine) อาจเสิร์ฟ ในอุณหภูมิ ที่ต่ำกว่า ไวน์ขาว หรือไวน์รสไม่หวาน ได้ คือ ประมาณ 6-8 องศาเซลเซียส ไวน์แดงอ่อน รสนุ่ม จะต้องเสิร์ฟ ณ อุณหภูมิ ของห้องเก็บไวน์มาตรฐาน (Cellar) ประมาณ 10-12 องศาเซลเซียส ไวน์แดงที่เข้มข้น ควรเสิร์ฟใน อุณหภูมิ “Chambre” คือให้ไวน์ มีอุณหภูมิเท่าอุณหภูมิห้อง ที่อบอุ่นปานกลาง เช่น ไวน์บอร์โด เสิร์ฟที่ อุณหภูมิ 18-19 องศาเซลเซียส ส่วน ไวน์เบอร์กันดี เสิร์ฟที่อุณหภูมิ 15-16 องศาเซลเซียส

Scroll to Top