1. ทำความรู้จักกับประเภทของไวน์

ไวน์มีหลายประเภทที่มือใหม่ควรรู้จัก ได้แก่:

• ไวน์แดง (Red Wine): ทำจากองุ่นแดง มีรสชาติเข้มข้นและซับซ้อน เหมาะกับอาหารที่มีรสชาติเข้มข้น เช่น สเต็กหรือพาสต้า

• ไวน์ขาว (White Wine): ทำจากองุ่นขาวหรือองุ่นแดงที่ไม่ใช้เปลือก มีรสชาติสดชื่น เหมาะกับอาหารทะเลและสลัด

• ไวน์โรเซ่ (Rosé Wine): เป็นไวน์ที่มีสีชมพูอ่อนจากกระบวนการหมักที่ใช้เปลือกองุ่นในช่วงเวลาสั้น ๆ มีรสชาติสดชื่น ดื่มง่าย

• ไวน์สปาร์กลิง (Sparkling Wine): เป็นไวน์ที่มีฟอง เช่น แชมเปญ นิยมใช้ในงานเฉลิมฉลอง

• ไวน์หวาน (Dessert Wine): มีรสหวาน นิยมดื่มคู่กับของหวาน

2. วิธีเลือกไวน์สำหรับมือใหม่

1. เลือกไวน์ที่ดื่มง่าย – เช่น ไวน์ขาวประเภท Riesling หรือไวน์แดง Merlot ที่มีรสชาตินุ่มนวล

2. พิจารณาความหวานและความเปรี้ยว – หากชอบรสหวาน ควรเลือก Moscato หรือไวน์หวาน แต่ถ้าชอบรสเปรี้ยว ลอง Sauvignon Blanc

3. ลองไวน์จากหลายแหล่งผลิต – ไวน์จากฝรั่งเศส อิตาลี สเปน หรืออเมริกามีรสชาติแตกต่างกัน

4. เริ่มจากไวน์ราคากลาง ๆ – ไม่จำเป็นต้องเลือกไวน์ราคาแพงเพื่อให้ได้รสชาติที่ดี

3. วิธีการดื่มไวน์อย่างถูกต้อง

• อุณหภูมิที่เหมาะสม: ไวน์แดงควรดื่มที่อุณหภูมิห้อง (16-18°C) ส่วนไวน์ขาวและสปาร์กลิงควรแช่เย็น (8-12°C)

• ใช้แก้วไวน์ที่เหมาะสม: ไวน์แดงควรใช้แก้วที่ปากกว้าง ส่วนไวน์ขาวใช้แก้วที่ปากแคบกว่าเพื่อรักษาอุณหภูมิ

• ดมก่อนดื่ม: การสูดกลิ่นช่วยให้รับรู้กลิ่นหอมของไวน์ได้ดีขึ้น

• จิบและลิ้มรส: ให้ไวน์สัมผัสทั่วลิ้นเพื่อรับรู้รสชาติที่แท้จริง

4. การจับคู่ไวน์กับอาหาร

• ไวน์แดง + เนื้อแดง (สเต็ก, เนื้อวัว, เนื้อแกะ)

• ไวน์ขาว + อาหารทะเล, สลัด, เนื้อไก่

• ไวน์โรเซ่ + อาหารรสเบา ๆ เช่น อาหารญี่ปุ่น

• ไวน์หวาน + ขนมหวาน เช่น เค้ก หรือชีสเค้ก

• ไวน์สปาร์กลิง + ของทอด หรืออาหารที่มีรสเปรี้ยว

5. วิธีเก็บรักษาไวน์

• ควรเก็บไวน์ในที่มืดและเย็นที่อุณหภูมิ 12-16°C

• ขวดที่เปิดแล้วควรปิดให้สนิทและเก็บในตู้เย็น หากเป็นไวน์แดงควรดื่มให้หมดภายใน 3-5 วัน และไวน์ขาวภายใน 2-3 วัน

• ตรวจสอบรสชาติก่อนดื่ม หากไวน์เปลี่ยนกลิ่นหรือรสชาติ อาจไม่เหมาะสำหรับการบริโภค