การเดินทางจาก ไวน์โลกเก่า สู่ ไวน์โลกใหม่

เดิม การดื่มไวน์ และ ผลิตไวน์ มีเฉพาะในทวีปยุโรปเท่านั้น ต่อมาเมื่อคริสโตเฟอร์ โคลัมบัส ได้ค้นพบทวีปอเมริกา ซึ่งในตอนนั้น เรียกกันว่า โลกใหม่ ในค.ศ. 1492 ก็ได้ทำให้ชาวยุโรปเริ่มหลั่งไหลเข้าสู่ทวีปอเมริกา เพื่อแสวงหาโอกาสใหม่ ๆ และ เสี่ยงโชค พร้อมกับนำองุ่นเข้าไปปลูกเพื่อผลิตไวน์ด้วย ทำให้ ไวน์โลกใหม่ ถูกผลิตขึ้นมาแข่งขัน กับ ไวน์โลกเก่า ในที่สุด

โดยความแตกต่างของ ไวน์โลกเก่า – ไวน์โลกใหม่นั้น หากดูตาม ประวัติไวน์ จะเห็นได้ว่า ไวน์โลกเก่า คือ ชื่อเรียกกลุ่มไวน์ที่ถูกผลิตในประเทศยุโรป เป็นผลมาจากเทคโนโลยีการผลิตไวน์ที่ถูกคิดค้นและสืบทอดต่อ ๆ กันมา ยาวนานกว่า 8,000 ปี ซึ่งส่วนหนึ่งนอกจากจะเป็นวิธีการผลิต ที่ใช้เทคนิคแบบดั้งเดิม มีคุณภาพ มาตรฐาน และ มีรสชาติชั้นเลิศแล้ว ยังถือเป็นการยกย่องและให้เกียรติแก่ กระบวนการผลิตไวน์ ที่มีมาก่อนส่วนอื่น ๆ ของโลกอีกด้วย โดยไวน์โลกเก่า นิยมเรียกชื่อตามแหล่งผลิต เช่น Bordeaux, Burgundy, Chablis, Champagne, Chianti, Asti เป็นต้น

สำหรับ ไวน์โลกใหม่ ก็คือ ไวน์ที่ถูกผลิตในประเทศอเมริกา ออสเตรเลีย ชิลี และ อื่น ๆ ที่ไม่ใช่ยุโรป โดยสาเหตุที่ถูกตั้งชื่อว่า ไวน์โลกใหม่ มาจากการที่ กระบวนการผลิตไวน์ มีมาทีหลังประเทศต่าง ๆ ในยุโรปนั่นเอง นอกจากนี้ ทวีปอเมริกา ก็เพิ่งถูกชาวยุโรปค้นพบ ในคริสต์ศตวรรษที่ 15 อีกด้วย ทำให้ไวน์ที่มาจากอเมริกา เม็กซิโก ชิลี มักถูกนิยามว่า ไวน์โลกใหม่ โดยในช่วงแรก ไวน์โลกใหม่ ไม่ค่อยเป็นที่นิยมมากนัก เนื่องจากกระบวนการผลิตยังไม่มีคุณภาพเท่าที่ควร ต่อมาในค.ศ.1976 จึงเริ่มมีรสชาติและคุณภาพที่ดีขึ้น จนได้รับการยอมรับในปัจจุบัน โดยไวน์โลกใหม่ นิยมเรียกชื่อตามพันธุ์องุ่น เช่น Cabernet – Sauvignon, Gamay, Merlot, Syrah, Chardonnay เป็นต้น

Leave a Comment

Your email address will not be published. Required fields are marked *

Scroll to Top